ขายของออนไลน์ไม่ง่าย เมื่อการยิงโฆษณายากกว่าที่เคย

ถ้าจะพูดกันตามตรงแล้ว นาทีนี้นี่แหละ ที่เป็นจุดสูงสุดของการขายสินค้าออนไลน์ เนื่องจากในปัจจุบัน เป็นยุคที่ผู้คนเป็นจำนวนมากสามารถมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเองได้ โดยมาราคาตั้งแต่รุ่นย่อมเยาเอามากๆ ยาวไปจนถึงเครื่องแพงๆ แบบพรีเมียมให้เลือกใช้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ใช้ โดยจะกระจายสัญญาณไปในหลายๆ พื้นที่ และไม่จำเป็นต้องใช้สาย หรือรอกระจายสัญญาณจากกล่อง Wifi อีกต่อไป แถมยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เข้ามาเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เร็วมากขึ้น เพราะธนบัตรนั่นเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี ที่สามารถแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 ได้ยังคนอื่นๆ ที่ได้สัมผัสแบงค์ใบนั้นๆ ได้อีกด้วย ทั้งนี้และทั้งนั้น จึงได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของสังคมไร้เงินสดในประเทศไทย ที่มือถือเครื่องเดียวก็สามารถเดินทางไปได้ในทุกที่

และเมื่อมือถือสมาร์ทโฟนเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ คนก็จะเริ่มทำธุรกิจตามกลุ่มลูกค้า ที่ย้ายฐานจากการซื้อสินค้าตามห้างร้านต่างๆ ไปยังแพลทฟอร์มออนไลน์ผ่านมือถือนั่นเอง ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา การซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้นค่อนข้างคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามีโปรโมชั่นดี แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยส่งเสริมกันอย่างชัดเจน คือ การทำงานรูปแบบใหม่ของธนาคาร ที่ทำให้เราสามารถโอนเงินผ่านมือถือได้เลย ไม่ต้องเดินทางไปธนาคาร หรือต้องไปกดโอนที่ตู้เอทีเอ็ม และที่สำคัญที่สุด ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากเป็นพิเศษ นั่นก็คือ การที่เราสามารถโอนเงินให้กันได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมเหมือนตอนเอาไปฝากที่ธนาคาร

ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการจึงต้องการรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ แล้วส่งโฆษณาขายสินค้าต่างๆ ไปยังจอมือถือของผู้ที่ใช้ซอร์ฟแวร์ฟรี เช่น Google และ Facebook ที่ไม่คิดค่าบริการในการใช้งาน แต่พวกเขาจะนำข้อมูลของเราไปขายต่อให้บริษัทต่างๆ ในรูปแบบของการยิงโฆษณา เพื่อทำกำไรจากการที่เราใช้งานแพลทฟอร์มต่างๆ เหล่านี้จากทางผู้จำหน่ายสินค้าอีกต่อหนึ่งนั่นเอง โดยการฝังคุ้กกี้เอาไว้ในโค้ด เมื่อเรากดเข้าไปอ่าน เจ้าคุ้กกี้ก็จะโหลดลงมาอยู่ในอุปกรณ์ของเรา หลังจากนั้น พวกเขาก็จะสามารถตามติดชีวิตและความสนใจของเราได้ตลอดเวลา และทยอยส่งโฆษณามาให้เราดูอยู่บ่อยๆ

แต่อย่างไรก็ตาม มีคนไม่พอใจเรื่องนี้อยู่มาก จึงมีการผลักดันให้แบนการฝังคุ้กกี้ให้โค้ดต่างๆ ออกทั้งหมดภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งมันจะทำให้ผู้บริโภคปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็มีผลเสียต่อผู้ประกอบการ ที่อาจจะไม่สามารถล่วงรู้ข้อมูลของลูกค้า ว่าพวกเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรได้อย่างละเอียดลึกซึ้งเหมือนเดิม ซึ่งมันก็จะทำให้การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้นยากขึ้นด้วยนั่นเอง

# โควิด 19 ภัยอันตรายของคนมีหนี้สิน