ททท.เข้ม ตรวจสอบโรงแรม ร้านค้าทุจริตโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน
ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้ตรวจสอบร้านค้าหรือโรงแรมที่เข้าข่ายกระทำความผิดในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” สืบเนื่องมาจากมีการตรวจพบรายชื่อผู้ประกอบการที่เข้าข่ายกระทำความผิด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ และตรวจพบการเคลื่อนไหวของธุรกรรมทางการเงินที่ผิดปกติ ซึ่งมีหลายรายที่ตรวจพบกระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงได้ยื่นหนังสือขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข้อมูลเบื้องต้นทาง ททท.ได้ตรวจพบว่ามีโรงแรม ร้านค้า และประชาชนบางกลุ่มเข้าข่ายกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งมีรูปแบบที่แบ่งออกได้เป็น 6 แบบ เช่น
- การขึ้นราคาของห้องพัก
เป็นการร่วมมือกันระหว่างร้านอาหารที่รับคูปองกับโรงแรม โดยร้านอาหารจะขอซื้อสิทธิ์กับทางโรงแรม ไม่มีการเดินทางเกิดขึ้นจริง ๆ ซึ่งผู้ขายสิทธิ์จะให้เลขบัตรประชาชน 4 ตัวท้าย กับเบอร์โทรศัพท์มาในการให้รหัส OTP รับส่วนต่างไป 40%
- การขายห้องพักที่ปิดกิจการ
ห้องพักที่มีตัวตนอยู่จริง ปิดกิจการไปแล้ว แต่ยังมีการขายอยู่ ซึ่งมีทั้งผ่านและไม่ผ่านเอเจนท์ออนไลน์
- การเข้าพักโรงแรมในราคาถูก
รูปแบบที่เช็คอินเข้าพักโรงแรม แต่ตัวไม่ได้เข้าพักจริง ๆ ผลประโยชน์จะได้รับจากการใช้คูปองโดยไปร้านค้าที่มีถุงเงินเพื่อสแกนใช้ การจองมีทั้งผ่านและไม่ผ่านเอเจนท์ออนไลน์
- การขายจำนวนห้องพักเกินจริง
เข้าข่ายลักษณะการหลอกลวง สมมุติ โรงแรมมีห้องพักทั้งหมด 50 ห้อง แต่กลับเปิดห้องพักขายไป 100 ห้อง บางครั้งอาจมีการอัพเกรดให้ไปเข้าพักโรงแรมอื่นด้วย
- เงินทอนจากการเข้าพัก
มีการจองห้องพักกับทางโรงแรมโดยตรงจริง เข้าพักจริง ลักษณะเป็นการเข้าพักแบบกรุ๊ปทัวร์ ผลประโยชน์จะได้รับเงินทอนจากการเข้าพัก ซึ่งทางโรงแรมรู้เห็นเป็นใจด้วย
- รับส่วนต่างคูปองเติมเงิน
ใช้ส่วนต่างคูปองเติมเงิน เพื่อให้ใช้คูปองที่ร้านนั้น
จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ประกอบการที่เข้าข่ายกระทำความผิดดังกล่าวจำนวน 514 ราย โดยแยกออกเป็นผู้ประกอบการโรงแรมจำนวน 312 ราย และร้านค้า ร้านอาหารจำนวน 202 ราย ทั้งนี้ยังต้องมีการประเมินความเคลื่อนไหวของธุรกรรมทางการเงินให้ชัดเจนเสียก่อน ถ้าหากตรวจพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เป็นโครงการที่ทางรัฐบาลกู้เงินมาช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวให้ลืมตาอ้าปากได้ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ได้ อีกทั้งยังได้ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ถ้าหากตรวจพบความผิดปกติในการให้บริการการเข้าพักโรงแรมสามารถแจ้งเบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดกับผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการด้วย
# สุกี้ตี๋น้อย ความสำเร็จสาวน้อยวัย 25 ปี