ทุจริต “เราเที่ยวด้วยกัน” โครงการรับดีแค่ไหน แต่คนไทยไม่ช่วยกันมันก็เท่านั้น
ภายหลังที่ประเทศไทยสามารถรักษามาตรฐานการควบคุมดูแลโรคระบาดโควิด19 ได้ดีเยี่ยมเป็นอันดับหนึ่งของโลกจากการจัดดัชนีของ Global COVID-19 Index (GCI) วันนี้ภาครัฐออกโครงการเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็น “คนไทยเที่ยวในไทย” หรือ “ เราเที่ยวด้วยกัน” หรือ “คนละครึ่ง” ฯลฯ มาเป็นวาระแห่งชาติด้วยการจัดแคมเปญดีๆ ให้กับนักท่องเที่ยวไทยทั่วประเทศโดยเน้นการท่องเชิงเชิงธรรมชาติ อนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติหลังจากที่สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านได้เป็นอย่างดีและยังเปิดโอกาสให้ร้านค้าทั่วไปสามารถให้บริการซื้อขายเครื่องอุปโภคบริโภคได้มากยิ่งขึ้น
แคมเปญดีแค่ไหน รัฐคิดให้ตายสุดท้ายก็ยังทุจริต
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ทางผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท ได้เข้าพบตัวแทนและยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบข้อมูลผู้เข้าข่ายกระทำความผิด เนื่องจากพบความผิดปกติของธุรกรรมทางการเงินในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” พร้อมรายชื่อผู้ประกอบการที่เข้าข่ายกระทำผิดเงื่อนไขของโครงการฯ ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยมีท่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับหนังสือดังกล่าวไว้
เหตุผลที่ ททท.ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ สตช
สำหรับการเข้าร้องเรียนและการยื่นหนังสือในครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทาง ททท. ได้ตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกันฎ แล้วพบความผิดปกติ ซึ่งมีลักษณะ พฤติการณ์ที่ต้องสงสัยว่าจะมีการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ หลายรูปแบบ โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่น่าสงสัยนั้นประกอบไปด้วย
โรงแรม
ร้านค้า
ประชาชนที่ร่วมขบวนการ
กล่าวคือ มีโรงแรมจำนวน 312 แห่ง ร้านค้าจำนวน 202 ร้าน ที่เข้าข่ายพฤติกรรมต้องสงสัย โดยทาง สตช.รับว่าจะเดินหน้าทำการสืบสวนและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ในการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการกระทำผิดที่อาจจะเกิดขึ้นต่อๆ ไปในอนาคตได้ด้วย เนื่องจากโครงการนี้ทางภาครัฐเตรียมเพิ่มเฟส 2 หรือระยะที่ 2 ต่อไปอีกนั่นเอง
พฤติกรรมที่แสดงให้เห็นว่าน่าจะเกิดการทุจริตหรือทำผิดเงื่อนไขขึ้น ตัวอย่างเช่น การเข้าเช็กอินในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้มีการเข้าพักจริง ซึ่งจะได้ประโยชน์ในการได้รับสิทธิอี–คูปองที่รัฐมอบให้ไปใช้จ่าย / โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพักสูงเกินจริง และยังรู้เห็นเป็นใจกับร้านอาหาร หรือร้านค้าที่รับชำระคูปอง และมีการขายสิทธิกัน / โรงแรมที่ปิดตัวลงและยังไม่กลับมาเปิดตามปกติ แต่มีการลงทะเบียนตามปกติ และขายห้องพักเหมือนกลับมาเปิดเป็นปกติแล้ว / มีการใช้ส่วนต่างของอี–คูปอง เพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวน ด้วยการเพิ่มราคาอาหารไปมากกว่ามูลค่าอาหารที่แท้จริง / มีการเข้าพักจริง แต่เข้าพักแบบเป็นกรุ๊ปเหมา โดยตั้งราคาห้องพักในระดับสูง และสามารถรับเงินส่วนต่างที่ตกลงกันไว้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างโรงแรมและผู้เข้าพัก / โรงแรมที่เปิดขายห้องพักเกินจำนวนจริงที่มี แล้วจำนวนห้องที่เกินมาจะนำไปขายต่อให้กับโรงแรมอื่น เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง เป็นต้น
บททิ้งท้าย โครงการยังใช้งานได้และเดินหน้าเปิดเฟส 2 ต่อไป
อย่างไรก็ตามในส่วนของโครงการนี้ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปเพราะยังมีโรงแรม ร้านค้าและประชาชนอีกจำนวนมากที่ได้รับประโยชน์และใช้สิทธิตามโครงการอย่างสุจริจ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อยู่ สามารถเข้าพักหรือใช้สิทธิต่างๆ ตามเงื่อนไขได้เช่นเดิม
# การพลิกฟื้นธุรกิจ SMEs ด้วยตลาดทุน