ยอดนำเข้าปลาแซลม่อนนอร์เวย์ปี 2564 มีแนวโน้มสูงขึ้น

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาปลาแซลม่อนกลายเป็นวัตถุดิบและเมนูที่ได้ความนิยมขึ้นอย่างมากทั้งเรื่องของการนำมาแปรรูปและการรับประทานสดอาจจะด้วยเอกลักษณ์หลายๆอย่างของปลาแซลม่อนที่ทำให้กลายเป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าปลาแซลม่อนจากประเทศนอร์เวย์

แต่อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2563 การนำเข้าปลาแซลม่อนและอาหารทะเลสดและอาหารทะเลแช่แข็ง มีอัตราลดลงถึง 10% สำหรับปลาแซลม่อนมีการนำเข้า 14,083 ตัน หรือมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับอัตรการนำเข้าของปี 2562 อาจจะเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเอง หรือผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ก็ส่งผลให้ประเทศนอร์เวย์ส่งออกปลาได้น้อยลง

ล่าสุดได้มีรายงานเกี่ยวกับการนำเข้าปลาแซลม่อนของประเทศไทยจากประเทศนอร์เวย์ว่าเพียงช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่าน ยอดการนำเข้าปลาแซลม่อนจากนอร์เวย์ก็สูงขึ้นจากเดิมถึง 2% และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ถึง 10% หรืออาจจะมากกว่านั้น แม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจของไทยจะยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดีก็ตาม แต่กลุ่มอาหารทะเลนำเข้าประเภทปลาแซลม่อนมีโอกาสที่จะมียอดนำเข้าสูงขึ้น และจะเป็นการนำเข้าจากประเทศนอร์เวย์เท่านั้น เพราะหลังจากที่ผ่านพ้นช่วงวิกฤตของสถานการณ์ Covid-19 ของอุตสาหกรรมส่งออกในประเทศนอร์เวย์ ทางผู้ส่งออกได้ได้ปรับตัวทั้งเรื่องแผนธุรกิจและความปลอดภัยของอาหาร ทำให้มีแนวโน้มที่จะส่งออกได้มากขึ้น บวกกับประเทศไทยเองก็มีความต้องการนำเข้าที่มากขึ้นเช่นกัน

นอกจากประเทศไทยจะมีอัตราในการนำเข้าปลาแซลม่อนที่สูงขึ้นแล้วอุตสากรรมการส่งออกอาหารทะเลกลุ่มปลาแซลม่อนของนอร์เวย์ก็กลายเป็นอาหารที่หลายประเทศทั่วโลกให้ความนิยมและมีความต้องการในการนำเข้ามาเช่นกันทำให้อุตสากรรมส่งออกอาหารทะเลของนอร์เวย์กลายเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการยอมรับของตลาดโลกและมีความต้องการสูงขึ้นอาจจะเพราะนอกจากแนวทางเรื่องของธุรกิจแล้วอุตสาหกรรมส่งออกของประเทศนอร์เวย์ได้ใช้มาตรฐานการปฏิบัติตามกฏระเบียบและคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับเรื่องของสุขอนามัยในการทำธุรกิจอาหารไม่ว่าจะเป็นการชี้แจงข้อมูลของธุรกิจอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ตรวจสอบได้และอยู่ภายใต้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของอาหารทั้งผู้นำเข้าและธุรกิจการค้าร่วมจึงได้ให้ความมั่นใจที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งและปลาแซลม่อนจากประเทศนอร์เวย์

สำหรับประเทศไทยที่มีแนวโน้มการนำเข้าสูงขึ้นกว่า 10% อาจจะส่งผลให้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้กว่า 1% เพราะเมื่อมีนำเข้าของผู้ค้าปลีกทั้งรายใหญ่และรายย่อย ก็จะส่งผลให้การค้าขายมียอดผู้บริโภคที่สูงขึ้น มีแนวโน้มจะมีเงินสะพัดภายในประเทศกว่า 4 พันล้านบาทต่อปี