Bitcoin จะเป็นทรัพย์สินใหม่แห่งโลกอนาคตจริงหรือไม่
ในยุคนี้ อะไรๆ ที่มันดูเหมือนจะแน่นอน จะมีอนาคตไกล น่าจะประสบความสำเร็จในระยะยาว กลับต้องมีความผันผวนเปลี่ยนผันไปอย่างคาดไม่ถึง เมื่อเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เข้ามาทักทาย โดยมันได้เปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลกไปตลอดกาล ซึ่งพวกเราต้องปรับตัวเข้ากับ New Normal หรือวิถีชีวิตแบบใหม่ให้ได้เร็วที่สุด และมันจะเป็น New Normal ที่ไม่มีวันจะพาเรากลับไปสู่จุดเดิมๆ ได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิถีชีวิตในการจับจ่ายซื้อของ ตลอดการลงทุนต่างๆ ที่ต้องมีเงินเป็นสื่อกลาง
จริงๆ แล้วเงินเนี่ย มันมีมานานแล้ว แต่เงินในสมัยก่อนนั้นไม่ได้อยู่ในรูปของกระดาษธนบัติเหมือนอย่างในปัจจุบัน หากแต่เป็นเหรียญเงิน เหรียญทอง เกลือ เปลือกหอย หรือแม้แต่กระทั่งขนมปัง ก็เคยถูกใช้เป็นสิ่งที่นำมาแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆ แทนเงินกระดาษที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันมาแล้ว และในยุคนี้เอง ที่จะเป็นยุคเปลี่ยนผ่าน ที่จะเปลี่ยนเงินกระดาษ เข้าไปสู่ยุคเงินรูปแบบใหม่ หรือเงินดิจิทัล ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น เงินดิจิทัลนั้นมีหลายสกุลเงินมาก
แต่สกุลเงินดิจิทัลที่เป็นที่รู้จักและมีคนลงทุนมากที่สุดก็คือ Bitcoin นั่นเอง จากราคาเปิดตัวเพียงเหรียญละประมาณ 1 ดอลลาร์ หรือ 30 บาท แต่ต้นปี 2563 ราคา Bitcoin กลับพุ่งขึ้นไปที่ราวๆ 1.2 แสนบาท และช่วงท้ายปี 2563 Bitcoin นั้นสามารถทำนิวไฮมากถึง 5 แสนบาทต่อ 1 เหรียญ ทำให้คนยิ่งสนใจที่จะเข้าไปลงทุนมากขึ้นไปอีก แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อยู่ๆ ราคาของ Bitcoin กลับลดลงอย่างฮวบฮาบ ทำเอา ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการเว็บเทรด Satang Pro กูรูทางการลงทุนเงินดิจิทัลของไทย ต้องออกมาให้ข้อมูลกับผู้ที่สนใจจะลงทุนใน Bitcoin ว่า
“ผมเคยบอกมาตลอดว่า บิตคอยน์ จะเป็นสิ่งที่หายากขึ้นไม่ใช่ในอนาคตอันใกล้ แต่คือปัจจุบันนี้แล้ว ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาบิตคอยน์ประมาณ 270,000 บิตคอยน์ มูลค่า 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณเกือบ 3 แสนล้านบาท ได้ถูกโอนออกจากกระดานเทรด (Exchange) ไปเก็บข้างนอกแทน ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นปริมาณที่สูงมาก เพราะมากกว่า 1% ของจำนวนบิตคอยน์ที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ ถูกย้ายไปยังนักลงทุนสถาบันการเงินหรือ Whale ที่เป็นผู้ถือบิตคอยน์ระยะยาวเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ Grayscale Bitcoin Trust ถือบิตคอยน์มากกว่า 600,000 BTC หรือเรียกได้ว่ามากกว่า 3% ของบิตคอยน์ในตลาดโลกอยู่ในมือ Grayscale ซึ่งนั่นแปลว่าบิตคอยน์จะขึ้นหรือลงในตลาดตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนเงินเยอะในการดันหรือทุบราคา ถ้าวาฬจะทุบเพื่อ Shake Out จากรายย่อยก็ไม่ต้องใช้เงินมาก หรือจะลากให้ราคาขึ้น เพื่อให้รายย่อยเข้าตามก็ไม่ต้องใช้เงินมากเช่นกัน ดังนั้นตลาดร้อนแรง ความเสี่ยงสูง นักลงทุนต้องบริหารเงินให้เป็น”
จากคำผู้ของผู้เชี่ยวชาญข้างต้น เราจึงสามารถสรุปได้ว่า Bitcoin นั้นน่าลงทุน แต่มันก็มีความเสี่ยงสูงใช่เล่น ถ้าทุนไม่หนา สายป่านไม่ยาวจริง โอกาสเจ็บตัวก็มีอยู่ไม่น้อยนั่นเอง
# Resilience การบริหารแบบยืดหยุ่นที่กำลังมาแรงในช่วงโควิด